เรื่องราวของ “น้องเอ๋ย” เป็นหนึ่งในเด็กๆ นับหมื่นคนที่ถูกความยากจนปิดกั้นอนาคตแห่งชีวิต
ด.ญ.พิมพ์ชนก หรือ น้องเอ๋ย เป็นเด็กเรียนเก่ง เธอชอบอ่านหนังสือและสนใจเรื่องราววิทยาศาสตร์มาก เธอใฝ่ฝันเหลือเกินจะเติบโตขึ้นเป็น “นักวิทยาศาสตร์” แต่ชีวิตที่เธอเลือกไม่ได้มาตั้งแต่เกิดนั้นห้อมล้อมไปด้วยความยากจน แม่ต้องปากกัดตีนถีบทุกทางหลังจากเลิกกับพ่อ ทั้งสองแบ่งห้องเล็กๆ อาศัยอยู่รวมกับอีก 10 ชีวิตในบ้านเช่าขนาด 5X6 เมตรชั้นเดียวเก่าคร่ำคร่าที่ใต้ถุนเป็นน้ำครำและกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นอบอวล หลังคาบ้านมุงด้วยสังกะสีซึ่งยามแดดจัดยิ่งทำให้ร้อนระอุราวไฟเผา น้องเอ๋ยอยากได้พัดลมสักตัวแต่แม่ก็ไม่เคยมีเงินเหลือจากค่ากับข้าวในแต่ละวัน แม้แต่ชุดนักเรียนแม๋ก็ต้องขอให้เธอใส่ชุดเก่าที่ใช้ซ้ำซากหลายปีจนกระโปรงสั้นเต่อและสีซีด เพราะต้องซักทุกเย็นเพื่อเตรียมไว้ใส่วันรุ่งขึ้น เวลาว่างน้องเอ๋ยจะช่วยแม่ทำงานบ้านและดูแลปู่กับย่าทวดซึ่งแก่มากแล้ว คนแถวนั้นคุ้นเคยกับภาพปู่หลังงอคุ้มกับหลานตัวน้อยที่ทุลักทุเลช่วยเข็นรถซาเล้งเก่าๆ เพราะไม่มีแรงถีบ ไปคุ้ยหาสิ่งของตามกองขยะในซอกซอยต่างๆ ของชุมชนแออัด วันหนึ่งๆ ก็ได้เศษเงินไม่มากนัก
ตกเย็นน้องเอ๋ยจะสวมบทบาท “คุณครูจำเป็น” เปิด “โรงเรียนข้างกองขยะ” บนลานดินแข็งข้างบ้านซึ่งแห้งแล้งไร้ร่มเงาต้นไม้ แม้ไม่มีกระดานดำหรืออุปกรณ์ใดๆ แต่เธอก็ตั้งอกตั้งใจสอนเลขกับวิทยาศาสตร์ให้เพื่อนๆ 7-8 คนทั้งๆ ที่เขาอยู่ชั้นโตกว่า น้องเอ๋ยไม่รู้เลยว่าชีวิตพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะได้เรียนสูงๆ จนเป็นนักวิทยาศาสตร์ตามความฝันหรือไม่ เธอรู้แต่ว่าอีกไม่นานอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ เพราะรถไฟฟ้าที่ถนนใหญ่ไม่ไกลจากบ้านเธอ ใกล้จะสร้างเสร็จ ทำให้เจ้าของที่ดินเริ่มคิดว่าน่าจะเปลี่ยนบ้านเช่าโทรมๆ ให้เป็นธุรกิจอื่นที่ทำเงินได้มากกว่า
เพราะเด็กในวันนี้ คือ อนาคตของชาติ...
การมอบชีวิตใหม่ให้เด็กที่ขาดโอกาสจึงเป็นภารกิจสำคัญ
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทำให้อนาคตของประเทศไทยมีผู้ใหญ่ที่ได้รับการศึกษาดีและมีคุณภาพ ไม่มีการลงทุนใดที่จะคุ้มค่าเท่ากับการลงทุนในเด็ก
แต่วันนี้...ในยามที่พายุเศรษฐกิจโหมกระหน่ำ น้องเอ๋ยและเด็กยากไร้นับหมื่นๆ คน กำลังทุกข์ยากและตกอยู่ท่ามกลางภัยจากเหล้าบุหรี่ยาเสพติดการพนันและความไม่ปลอดภัยทางเพศ เด็กน้อยเหล่านี้ล้วนมีอนาคตที่มืดมน
เพราะเด็กเป็นเรื่องของเราทุกคน แต่วันนี้...ในยามที่พายุเศรษฐกิจโหมกระหน่ำ น้องเอ๋ยและเด็กยากไร้นับหมื่นๆ คน กำลังทุกข์ยากและมีอนาคตที่มืดมน มูลนิธิซี.ซี.เอฟ. จึงขอเรียนเชิญท่านบริจาคเงินตามกำลังศรัทธาเพื่อร่วมก่อตั้ง “กองทุนสานฝันเพื่อเด็กและเยาวชน” ซึ่งจะเป็นกองทุนที่มั่นคงเพื่อดูแลช่วยเหลือเด็กยากไร้ให้สามารถพัฒนาศักยภาพตนเองได้ในระยะยาว และรอดพ้นจากความยากจน
“ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านเกิดอยู่ จ.สระแก้ว ชีวิตวัยเด็กก็ไม่ได้สุขสบายเคยลำบากมา เวลาเห็นเด็กๆครอบครัวยากไร้ เราจึงเข้าใจเขา ผมอาจจะโชคดีได้เติบโตได้ทำงานอย่างที่ฝัน มีงาน มีเงินดูแลครอบครัว แต่น้องๆ ซี.ซี.เอฟ. อีกหลายคนอาจจะไม่โชคดีแบบผม น้องเอ๋ยก็คือหนึ่งในนั้น ความฝันที่เอ๋ยอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ผมว่ามันงดงาม ผมรู้สึกตื่นเต้นไปกับน้องเขาด้วยจริงๆ อยากให้น้องเอ๋ยสมหวังอย่างที่ตั้งใจ
ผมดีใจมากๆ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. และผมมั่นใจในการทำงานของมูลนิธิฯ เพราะได้ลงมาเห็นกับตาตัวเอง ผมจึงอยากเชิญชวนให้ทุกท่านมาช่วยกันต่อเติมความฝันของน้องๆ เด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ครับ มาร่วมกันแบ่งปันน้ำใจ ให้โอกาส และสร้างอนาคตของชาติด้วยกันนะครับ” - สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์ (โอ๊ต) นักแสดง
**หนังสั้น "ของขวัญ" สร้างจากชีวิตจริงของน้องเอ๋ย ถ่ายทำจากสถานที่จริง ตัวละครจริง ก็คือ น้องเอ๋ยตัวจริง รวมถึงคุณปู่ ฉากทุกฉากเป็นของจริง ทั้งบ้าน ห้องนอน ทีมงานทำงานด้วยเวลาและงบประมาณจำกัด เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่งดงามของเธอด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ