วันนี้ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมอบโอกาสสุดพิเศษสำหรับท่านในการถวายพระพร ด้วยการอุปการะเด็กยากไร้ที่ต้องอดมื้อกินมื้อและขาดโอกาสได้เล่าเรียนเขียนอ่านอย่าง "น้องวรินทร์"
"ถ้าแม่ยังอยู่...ชีวิตหนูคงดีกว่านี้" เสียงของ วรินทร์ ตีบตันลงในทันทีที่เธอหันมองดูรูปของแม่ซึ่งแขวนอยู่บนเสาและเป็นสิ่งมีค่ายิ่งเพียงชิ้นเดียวในบ้าน น้ำตาที่ค่อยๆ เอ่อท้นเบ้าตาของเด็กน้อยสะท้อนความรู้สึกอ้างว้างโหยหาและความเศร้าระทม
หลังจากแม่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันเพราะคลอดน้องคนสุดท้อง บ้านที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุขก็เหมือนดั่งแพแตก พ่อทิ้งลูกๆ ไปแต่งงานใหม่และไม่มาเยี่ยมเลย นานๆ ครั้งจึงจะส่งเงินมาให้ เด็กๆ สี่พี่น้องถูกทิ้งให้อยู่กันเพียงลำพังในบ้านซอมซ่อที่ไม่มีแม้ห้องน้ำ วรินทร์กับพี่สาวต้องขาดเรียนอยู่บ่อยๆ เพราะต้องคอยสลับผลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงดูน้องเล็กวัย 3 ขวบที่ทั้งเป็นใบ้และโรคลมชักกำเริบอยู่เสมอๆ "เวลาน้องชัก หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่นั่งมอง รอจนน้องหลับไปเอง" วรินทร์เล่าอย่างไร้เดียงสาด้วยแววตาหม่นหมอง
ความจริงอันแสนเจ็บปวดเป็นภาระอันหนักหน่วงที่กดทับชีวิตน้อยๆ
วันนี้ "วรินทร์" เด็กหญิงร่างเล็กวัยเพียง 10 ปี ต้องถูกชะตาชีวิตผลักไสให้ทำหน้าที่ดั่งหัวหน้าครอบครัว เธอยอมทิ้งการเรียนของตัวเองเพื่ออยู่บ้านเฝ้าน้องเล็ก เพราะพี่สาวที่เคยอยู่ช่วยกันต้องจากไปเรียนต่อที่โรงเรียนไกลบ้านจนต้องไปพักค้างที่โรงเรียน จะได้กลับมาแบ่งเบาเธอบ้างก็เพียงช่วงวันหยุด วรินทร์ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า สักวันหนึ่งข้างหน้า ถ้าพี่สาวได้เรียนจบ ก็จะได้ทำงานหาเงินมาช่วยให้เธอและน้องเล็กไม่ต้องลำบากอีก ส่วนพี่ชายก็ต้องออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปหารับจ้างในไร่ หรือหาอาหารในป่าหาผักปลาตามหนองคลองบึงมาสู่กันกิน ทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นภาระของวรินทร์คนเดียว ที่ทำหน้าที่แทน "แม่" ทั้งอาบน้ำป้อนข้าวน้อง ซักผ้า กวาดถูบ้าน และหุงหาอาหารสำหรับทุกคน วันใดที่พี่ชายหรือพี่สาวผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลน้องเล็ก วันนั้นจึงเป็นโอกาสที่วรินทร์จะได้ไปโรงเรียน ซึ่งแม้จะอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ แต่เธอก็ต้องเดินอยู่นานกว่าจะถึงเพราะเส้นทางเป็นเนินสูงๆต่ำๆไปตลอด และเมื่อไปถึงโรงเรียนสิ่งที่เธอทำก็คือคอยเก็บนมหรือขนมที่ครูแจก เพื่อเอามาให้น้องได้กิน เธอเล่าว่า "น้องไม่แข็งแรงค่ะ หนูต้องคอยเฝ้า ถ้าหนูหิว...หนูก็ยังไม่กินหรอกค่ะ หนูจะรอให้น้องกินอิ่มก่อน หนูถึงจะกินอาหารที่เหลือ แต่ก็ถ้าหมด...ก็รอ..."
ยังมีเด็กยากไร้อีกนับร้อยพันชีวิตที่ต้องเผชิญทุกข์ยากลำเค็ญ อย่างเช่น วรินทร์ เด็กๆ เหล่านี้ต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่ได้เล่าเรียนเขียนอ่านอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ทั้งยังต้องเสี่ยงกับโรคภัยไข้เจ็บซึ่งน่าจะป้องกันรักษาได้หากเขาได้รับการดูแลอย่างเหมาะกับวัย นี่คือฝันร้ายที่เด็กๆ จากครอบครัวแตกสลายต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ท่านช่วยให้เด็กเหล่านี้รอดพ้นจากความแร้นแค้นได้ ด้วยการรับเป็นผู้อุปการะเด็กสักคนกับ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ในวาระมหามงคล 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไม่มีการถวายพระพรใดที่จะเปี่ยมคุณค่ายิ่งไปกว่าการได้เปิดใจของท่านช่วยเหลือเด็กน้อยผู้ทุกข์ยาก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
เพียง 20 บาทต่อวันหรือ 600 บาทต่อเดือน ท่านจะสามารถช่วยเหลือเด็กยากไร้ให้ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุด นั่นคือ โอกาสทางการศึกษา การดูแลสุขภาพ มีอาหารรับประทานเพียงพอ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น