วิภาวี แซ่โซ้ง เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่พ่อได้เสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ซ้ำร้ายแม่ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลครอบครัวก็ล้มป่วยไปอีก พี่ชายคนโตต้องออกไปขายแรงงานต่างถิ่นพี่สาวคนรองต้องลาออกจากโรงเรียนไปแต่งงานกับหนุ่มข้างบ้านเพื่อมีที่ดินปลูกข้าวมาเลี้ยงแม่กับน้องวิภาวีและพี่สาวอีกคนก็ต้องไปรับจ้างปลูกข้าวและตัดดอกหญ้าในป่ามาทำไม้กวาดเพื่อหารายได้ประทังชีวิตแทนที่จะได้ท่องหนังสือทำการบ้าน หรือได้เล่นสนุกเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
ความเมตตากรุณาจากท่านผู้ใจดีทยอยเข้ามาไม่ขาดสายหลังจาก มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ได้บอกเล่าให้สาธารณชนรับรู้เรื่องของเธอและครอบครัว ศ.(พิเศษ) ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ พล.ต.ท.หญิงพจนี สุนทรเกตุ, ธัญญา ศิริเวทิน กรรมการมูลนิธิฯ และ ดร.กรรณชฎา พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ ได้เดินทางไปยังจังหวัดน่านเพื่อเยี่ยมเยียนน้องวิภาวี ด้วยตัวเองและได้มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ชุดเครื่องนอน ชุดนักเรียนชุดอนามัยส่วนบุคคลและถังเก็บน้ำ
จากเดิมชีวิตที่ต้องอดมื้อกินมื้อตอนนี้หนูน้อยมีอาหารครบ 3 มื้อ มีชุดนักเรียนใหม่ รองเท้าใหม่ใส่ไปโรงเรียน ได้นอนฝันดีด้วยชุดเครื่องนอนใหม่ สะอาด ให้ความอุ่นกายและอุ่นใจรอยยิ้มของวิภาวีและครอบครัวจึงกลับมา
“หนูดีใจมีความสุขที่ได้ของใหม่ ขอให้ผู้ที่มอบของขวัญให้หนูไม่ป่วยและมีความสุขมากๆ ค่ะ” น้องวิภาวี กล่าว
วิภาวีเป็นหนึ่งในเด็ก 1,065 คน ที่ได้รับการโอบอุ้มจากผู้ใหญ่ใจดีในโครงการ "หนึ่งการให้ สร้างได้ถึง สามความสุขใจ" ซึ่งมูลนิธิซี.ซี.เอฟ. ได้ริเริ่มขึ้นเพื่อเชิญชวนสาธารณชนอุปการะเด็กยากไร้สิ่งที่ผู้อุปการะได้รับ คือ ความสุขใจที่ได้โอบอุ้มชีวิตน้อยๆ ให้พ้นทุกข์เข็ญสุขที่สอง คือ รอยยิ้มสดใสของเด็กๆ ที่ได้ไปโรงเรียนและได้กินอิ่มท้อง สุขที่สามคือ ความสุขใจที่ได้เดินตามรอยพระยุคลบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ผู้เป็นแบบอย่างแห่งความเมตตากรุณา ในปีมหามงคลในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558
เป็น "หนึ่งการให้ สร้างได้ถึง สามความสุขใจ" อย่างแท้จริง