เรื่องเล่า ซี.ซี.เอฟ. : คุณนริศรา เนตรกาล เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. จังหวัดอำนาจเจริญ
“น้องนะโม” อายุ 10 ปี เด็กชายตัวน้อยที่ป่วยเป็นมะเร็งสมอง (เนื้องอกในสมอง) ได้ผ่านการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับการช่วยเหลือจาก มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2565 ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ แม้ว่าน้องนะโมยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยการช่วยเหลือน้องนะโมครั้งนี้ก็ทำให้น้องได้มีโอกาสกลับมามีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป ได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ และสามารถเดินทางท่องเที่ยวกับพ่อแม่ในพื้นที่ใกล้ ๆ ได้
พี่เอี้ยง เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ฯ จ.อำนาจเจริญเล่าว่า “ครั้งแรกที่พบน้องนะโม น้องใส่ถุงเท้าเพียงข้างเดียว นั่งเงียบ ๆ หลังห้อง และไม่ยอมพูดคุยกับใคร เมื่อสอบถามคุณครูประจำชั้นก็ทราบว่าน้องนะโมมักจะลืมของบ่อยครั้ง มีอาการหลงลืม ๆ นอกจากนี้ขณะที่เข้าไปพูดคุยกับเด็กเราก็สังเกตเห็นว่าเด็กไม่พูดคุยและยอมสบตาเลย และพยายามหาโอกาสเข้าไปพูดเล่นอย่างเป็นกันเอง แต่ด้วยวันนั้นเจ้าหน้าที่ที่ลงปฏิบัติงานในพื้นที่และมีภารกิจอื่นต่อเนื่อง จึงต้องออกเดินทางเพื่อไปทำงานกันต่อ
จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 เดือน เราก็ได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนว่ามีเด็ก ซี.ซี.เอฟ. ช็อกและหมดสติที่โรงเรียนและกำลังส่งตัวไปโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี แพทย์วินิจฉัยพบว่าน้องนะโมเป็น “มะเร็งสมอง” ต้องผ่าตัดเร่งด่วน มูลนิธิ ฯ จึงได้ประสานความช่วยเหลือและวางแผนช่วยเหลือเบื้องต้นให้ครอบครัวของน้องนะโม”
เนื้องอกอยู่ในเนื้อเยื่อสมอง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้!! “ตอนนั้นพ่อและแม่กังวลมากจริง ๆ กลัวว่าลูกจะไม่รอด แต่ภายหลังน้องผ่าตัดสมองและผ่านการทำเคมีบำบัด(คีโม)กับแพทย์เฉพาะทาง ที่โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิ ฯ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายค่าเดินทางไปพบแพทย์ 2 แห่งในการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา 30 ครั้ง ร่วมกับยาเคมีบำบัดเดือนละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน และยังช่วยดูแลเรื่องค่าใช้อาหารในระหว่างการเดินทางไปพบแพทย์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้พอเห็นว่าอาการของลูกก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดีใจจนบอกไม่ถูกเลยค่ะ ครอบครัวของเราต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือจริง ๆ ค่ะ” แม่น้องนะโมเล่าขณะเอามือลูบศรีษะลูก
น้องนะโมรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ “ตอนที่เห็นน้องนะโมกลับมาที่บ้านและต้องเก็บตัวไม่ให้ถูกแสงแดดเป็นเวลาหลายเดือน ก็ห่วงเรื่องสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพราะออกกำลังทำอะไรมากไม่ได้ ตอนนี้พอได้เห็นน้องนะโมได้ออกไปนั่งเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน ได้นั่งขีดเขียนเพื่อขยับนิ้วและแขนที่โรงเรียน ภาพที่เห็นในตอนนั้นมันยากที่จะอธิบายจริง ๆ ค่ะ รู้สึกตื้นตันและดีใจที่ครอบครัวของน้องกลับมามีความหวังอีกครั้ง แม้ว่าวันนี้น้องนะโมจะยังไม่สามารถปกติเหมือนเดิมได้ แต่การรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ ทำให้ทุกคนในครอบครัวก็มีความหวังและได้เห็นรอยยิ้มของน้องนะโมอีกครั้ง” พี่เอี้ยงเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะในมือยังหิ้วถุงอาหารเสริมและเครื่องเขียนที่กำลังเตรียมไปให้น้องนะโมที่บ้าน
ตอนนี้แม่น้องนะโมยังคงต้องพาน้องนะโมไปพบแพทย์เฉพาะทางระบบประสาทและสมองทุกเดือน สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น และอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของพ่อแม่และครูที่โรงเรียน “น้องนะโมมีรอยยิ้ม พวกเราก็ยิ้มออกไปด้วย ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง แม้อาการน้องจะยังไม่หายขาดแต่อย่างน้อยน้องนะโมก็ได้รอดพ้นจากวิกฤติในชีวิตครั้งนี้แล้ว” พี่จิ๋ว หัวหน้าโครงการ ฯ มองน้องนะโมด้วยความเอ็นดู ขณะที่น้องนะโมกำลังนั่งระบายสีกับเพื่อน