นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในโรงเรียนชนบทห่างไกล ในพื้นที่การทำงานของมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ
บ้านของน้องก้องอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน คือ ยาย แม่ น้าชาย ลูกของน้าชายอายุ 4 ขวบ น้องก้อง และน้องชายที่ยังเล็กอายุเพียงขวบเศษ ยายของน้องก้องเล่าว่า ยายมีลูกทั้งหมด 12 คน เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน ที่เหลือ 8 คนแต่งงานมีครอบครัว ลูกๆ ที่แยกครอบครัวไปทุกคนต่างก็ลำบากจากการทำงานรับจ้างที่มีรายได้น้อยนิดนานครั้งจึงส่งเงินกลับมาได้บ้างครั้งละ 1,000 บาท หรือแบ่งข้าวสารจากการทำนามาให้ใช้หุงหากินกันที่บ้าน
น้องก้องและน้องชายคนเล็กไม่เคยทราบว่าใครเป็นพ่อแท้ ๆ การตั้งครรภ์ในภาวะที่ไม่พร้อม ส่งผลให้น้องก้องไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่ในครรภ์ ไม่ได้ฝากครรภ์ อีกทั้งยังเป็นการคลอดด้วยตนเองที่บ้านจึงส่งผลให้น้องก้องเกิดมาน้ำหนักน้อย สุขภาพไม่แข็งแรง เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน และด้วยภาวะที่ไม่มั่นคงทางอารมณ์ของผู้เป็นแม่ ภาระเลี้ยง หลานทั้งหมดตกอยู่ที่ยายที่มีอายุมากถึง 77 ปี อีกทั้งมีโรคประจำตัวรุมเร้าสารพัดทั้งโรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไต และโรคเก๊าท์ ที่บ้านจึงต้องกระเบียดกระเสียร ทุกการใช้จ่าย เพราะรายได้มีเพียงจากเบี้ยเลี้ยงคนชรา 700 บาทและเบี้ยเลี้ยงจากสวัสดิการรัฐ 800 บาท ของยายที่ใช้เลี้ยงดูทุกคนในบ้าน รวมถึงการใช้จ่ายด้านยารักษาโรค ค่าน้ำค่าไฟ ซื้อสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ และภาระผ่อนจ่ายดอกเบี้ยหนี้สินกู้เงินสงเคราะห์ของหมู่บ้านอีก 3,000 บาท ด้วย
ทุกวัน น้องก้องจะตื่นนอนตอนตี 5 เพื่อก่อไฟหุงหาอาหารเช้า นึ่งข้าวเหนียว ทอดไข่เจียว ไข่ดาว ย่างปลาแห้ง ก่อนจะอาบน้ำ แต่งตัว ทานข้าวด้วยตัวเองและปั่นจักรยานไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนน้องก้องจะมีกับข้าวซึ่งเป็นอาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนแบ่งให้ หิ้วมาฝากยายเพื่อนำมาให้ครอบครัวรับประทาน โดยจะรีบกลับบ้านทันทีหลังเลิกเรียนราว 4 โมงเย็นเศษเพื่อกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า หุงหาอาหารเย็นให้คนในบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ก่อนจะเริ่มทำการบ้าน อ่านหนังสือ และเข้านอนตอนค่ำ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ น้องก้องจะออกไปที่นาช่วยยายเก็บหอย หา ปลา หาหน่อไม้มาเป็นอาหาร
น้องก้องเป็นเด็กเรียนดี ที่ผ่านมาได้เกรดเฉลี่ยถึง 3.08 น้องก้องเล่าว่า “อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพครับ อยากไปเล่นฟุตบอลที่ต่างประเทศและอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ผมชอบเล่นฟุตบอลมากครับ ตอนนี้ผมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนด้วย เล่นตำแหน่งศูนย์หน้า” แต่ไม่ว่าจะเป็นฝันไหน ก็ล้วนเพื่อจะได้ทำงานดี ๆ ให้แม่ น้อง และยาย อยู่สบาย ไม่ต้องลำบาก
“น้องก้องเป็นเด็กไม่ค่อยพูดค่ะ แต่เป็นเด็กดีมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือเพื่อนและชอบช่วยเหลือครู ครูใช้ให้ทำอะไรน้องก้องจะรีบอาสาทันทีครูเป็นห่วงน้องเรื่องการเรียนมาก เพราะเค้าอยู่กับยาย ไม่มีใครสอนการบ้าน แถมทางบ้านก็ลำบากมาก กลัวว่าน้องจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อ”
น้องก้องเป็นหนึ่งในเด็กด้อยโอกาสขั้นวิกฤติที่ชีวิตอาจไม่ได้เดินหน้าต่อ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ได้พิจารณารับเข้ามาไว้ในความดูแล มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน จักรยานใช้ขี่ไปเรียนหนังสือ พร้อมทั้งวางแผนความช่วยเหลือเพิ่มเติมในสิ่งที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้งอาหารเสริม ของใช้ในครัวเรือน และก้อนเชื้อเห็ด ให้กับครอบครัวของน้องก้องด้วย รวมถึงได้ประสานกับส่วนงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม เพื่อให้ครอบครัวได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพิ่มเติม
แต่ยังมีเด็กด้อยโอกาสอีกกว่า 4,000 คน ที่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ชีวิตครอบครัว พวกเขาต้องพลิกผัน ตกงาน ขาดอาชีพ ขาดรายได้ และเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกยกเลิกการสนับสนุน มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ขออาสาเป็นสะพานบุญเชื่อมต่อความช่วยเหลือจากท่านผ่าน กองบุญชีวิต และส่งถึงเด็ก ๆ กลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด โดยท่านสามารถเลือกบริจาคต่อเนื่องหรือบริจาครายครั้งได้ตามกำลังและจิตศรัทธา ของท่าน
นักเรียนเก่งประจำห้อง ป.2 ฝันอยากเป็นพยาบาล แต่กลับต้องเผชิญบททดสอบชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก พ่อทิ้ง...อ่านต่อ
นักเรียนเก่งประจำห้อง ป.2 ฝันอยากเป็นพยาบาล แต่กลับต้องเผชิญบททดสอบชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก พ่อทิ้ง แม่แต่งงานใหม่มีเพียงยายซึ่งมีรายได้หลักจากเบี้ยผู้สูงอายุเป็นที่พึ่ง อาหารหลักจึงเป็นน้ำพริกจิ้มผักจากสวนข้าง ๆ บ้าน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่งผลให้น้ำหนักและส่วนสูงน้ำหวานต่ำกว่าเกณฑ์
อยากเรียนให้สูง อยากเป็นคุณครูหวังช่วยแบ่งเบาภาระจากพ่อบ้าง แม่ต้องหยุดทำงานอยู่บ้านดูแลน้องสาว...อ่านต่อ
อยากเรียนให้สูง อยากเป็นคุณครูหวังช่วยแบ่งเบาภาระจากพ่อบ้าง แม่ต้องหยุดทำงานอยู่บ้านดูแลน้องสาว ดูแลตาพิการ และยายที่มีโรคประจำตัวเดินไม่สะดวก หลังถูกรถชนทำให้แขน-ขาอ่อนแรง ซ้ำร้ายวิกฤติโควิค-19 ทำให้พ่อตกงาน
ถูกพ่อเลี้ยงทิ้งให้อยู่กับปู่และย่าตั้งแต่อายุ 7 เดือน หลังจากแม่แท้ ๆ ทิ้งไปไม่นาน...อ่านต่อ
ถูกพ่อเลี้ยงทิ้งให้อยู่กับปู่และย่าตั้งแต่อายุ 7 เดือน หลังจากแม่แท้ ๆ ทิ้งไปไม่นาน ปู่กับย่าก็พยายามดูแลเต็มกำลัง แต่โควิด-19 ทำให้รายได้จากการปั่นสามล้อรับจ้างของปู่น้อยลง บ้างวันไม่ได้ ความกังวลที่มากกว่าของปู่คือถ้าไม่มีปู่ น้ำหวานจะอยู่กับใคร
บริจาค