“ถ้าไม่มี CCF ในวันนั้น นุ่นคงไม่ได้เป็นวิศกรในวันนี้” วิศวกรนุ่น จ.น่าน
“ตอนเป็นเด็ก นุ่นไม่เคยเห็นภาพตัวเองตอนเรียนหนังสือสูง ๆ หรือมีอาชีพที่มั่นคงเลย เมื่อก่อนนุ่นนึกภาพนั้นไม่ออกเลยจริง ๆ” เพราะครอบครัวไม่มีอาชีพและทำงานเป็นหลักแหล่ง บ้านไม่มีที่ดินทำการเกษตร พ่อแม่รับจ้างทั่วไปแล้วแต่จะมีผู้ว่าจ้าง ถ้าวันรับจ้างงานตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ นุ่นก็จะไปทำงานกับพ่อและแม่ด้วย ช่วยกันทำมาหากิน เพื่อให้ครอบครัวมีเงินพอซื้ออาหารและของจำเป็นใช้ในแต่ละวัน
“ถ้าเปรียบในวันนั้นที่หนูยืนอยู่กลางพายุแรง ฟ้ามืดครึ้ม จะเดินต่อก็แทบไม่เห็นหนทางไป แต่แล้วหนูก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อนุ่นได้เป็นเด็กในความดูแลของมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ” นุ่นเปิดใจเล่าให้เจ้าหน้าที่ ซี.ซี.เอฟ. ฟังขณะที่นุ่นกำลังเตรียมตัวเดินทางไปที่ไซต์งาน
“หนูมีวันนี้เพราะมูลนิธิฯ ได้มอบโอกาสทางการศึกษา สนับสนุนอุปกรณ์การเรียน ได้มีความรู้รอบตัวจากการฝึกการเป็นผู้นำผ่านค่ายเด็กและเยาวชนต่าง ๆ ที่มูลนิธิฯ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” การเปิดโลกทัศน์ทำให้นุ่นได้เห็นมุมมองชีวิตใหม่ ๆ และทำให้เรามีแรงผลักดันที่อยากจะก้าวต่อไป นุ่นเริ่มเห็นเส้นทางเดินของตนเองจึงได้ลงมือเขียนเรียงความและสมัครขอทุน “โครงการทุนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” ทุนเรียนต่อในระดับชั้นปริญญาตรี ซึ่งทุนนั้นเป็นทุนชีวิตก้อนแรกที่ส่งต่อให้นุ่นเรียนจนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมตามความตั้งใจ
ตอนนี้นุ่นทำงานเป็นวิศวกรมา 6 ปีแล้ว ได้มีอาชีพที่มั่นคงอย่างที่ฝันไว้ “จากเด็กชนบทไร้ต้นทุนในชีวิตคนหนึ่ง มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น หนูขอขอบพระคุณ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ และผู้อุปการะที่คอยประคับประคองและคอยสนับสนุนหนูจนมาถึงวันนี้ได้ นุ่นมีวันนี้ได้เพราะ ซี.ซี.เอฟ. ค่ะ"